มา Flash Firmware ให้ Xiaomi Mi Wi-Fi Mini Router กันเถอะ

สวัสดีครับ หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อของบริษัท Xiaomi จากจีนกันบ้างแล้ว

จริงอยู่ที่บริษัทนี้เขาจะมีชื่อเสียงเรื่องมือถือ

แต่วันนี้ผมขอแนะนำ Router จาก Xiaomi

นั่นคือ Xiaomi Mi Wi-Fi Mini Router

DSC_0004

เรื่องรีวิวว่ามันทำอะไรได้บ้าง ไว้ครั้งหลังละกัน

วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการแฟลชเฟิร์มแวร์อย่างง่ายให้ Mi Wi-Fi Mini

การแฟลชเฟิร์มแวร์นั่นอาจจะทำอุปกรณ์เสียหายได้ กระผมทำหน้าที่เพียงนำเสนอวิธีการ
ความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ ผู้ใช้รับผิดชอบตัวเองนะครับ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. Flash Drive ขนาดเท่าไรก็ได้
  2. Firmware ที่ต้องการจะแฟรช
  3. Xiaomi Mi Wi-Fi Mini Router
  4. วัตถุปลายแหลม เช่น ไขควง

มาเริ่มกันเลยครับ

    1. นำ Flash Drive ที่จะใช้งานมา Format ให้เป็น FAT32
       Format Flash Drive
    2. ไปโหลด Firmware ที่ต้องการจาก http://miwifi.com/miwifi_download.html หรือ
      http://www.miui.com/thread-1776173-1-1.html
      Firmware Download
      จากรูปที่แสดงข้างต้นจะเห็นว่า Firmware ของ Mi Wi-Fi Mini อยู่ด้านล่างสุด โดยจะมี Firmware 2 ตัวให้ดาวน์โหลดฝั่งซ้ายเป็น Firmware Stable ส่วนอีกฝั่งก็เป็น Developer Firmware ตามระเบียบ
    3. เมื่อดาวน์โหลดไฟล์เรียบร้อยให้เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น miwifi.bin แล้วนำไปใส่ใน Flash Drive
    4. ถอดปลั๊กเจ้า Mi Wi-Fi Mini ละนะ
    5. นำ Flash Drive ไปเสียบในช่อง USB หลัง Router ได้เลย
    6. นำไขควงจิ้มปุ่ม Reset ที่เป็นจุดตามรูป
      DSC_0003
    7. เสียบอแดปเตอร์จ่ายพลังงานให้ Mi Wi-Fi Mini โดยที่ยังกดปุ่ม Reset เอาไว้
    8. มองดูไฟสถานะที่อยู่ข้างหน้า Router จะเห็นไฟสีส้มกดปุ่ม Reset ค้างไว้ รอจนกว่าไฟสีส้มกระพริบ แล้วปล่อยปุ่ม Reset
    9. รอๆๆๆๆๆๆ จนกว่าไฟสถานะจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เท่านี้ก็เรียบร้อย

Apple Pay กับ NFC

สวัสดีครับ สำหรับบล็อกแรกของผม คงไม่เขียนอะไรยาวมากมายนัก ผมก็จะมาพูดถึงเทคโนโลยี NFC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การสื่อสารข้อมูลระยะใกล้ NFC มีใช้ในมือถือ Android มาหลายปีแล้วละ แต่เอาเข้าจริงๆมันเหมือนเป็นฟังก์ชั่นที่เอาไว้เท่ๆ มากกว่าที่จะใช้งานจริง

ในประเทศไทย ถ้าจะให้กล่าวถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ คงเป็น Rabbit MPay ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง AIS และ บัตร Rabbit ใช้เพื่อการจ่ายค่าโดยสาร BTS และซื้อสินค้ากับร้านที่รับบัตร Rabbit แต่ผมคิดว่าคนใช้ก็ยังคงไม่มากนัก มันก็ดูไม่แพร่หลายเท่าไร ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะต้องใช้เบอร์ AIS และ ค่าเปลี่ยนซิมประมาณ 400 – 500 บาท

การที่ Apple เปิดตัว Apple Pay ที่มี NFC เป็นเทคโนโลยีเพื่อช่วยการจ่ายเงินเนี่ย คิดว่ามันจะเป็นการผลักดันให้บริษัทอื่นๆหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น (อะไรที่ Apple ทำ บริษัทอื่นๆมักจะทำตาม) ต่อไปในอนาคต ขอแค่มีมือถือที่รองรับ NFC ก็ไม่ต้องพกกระเป๋าเงินอีกต่อไป (ก็ไม่อยากพกอะ มันหนัก) เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตมากขึ้น แต่อย่าลืมว่า อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆแล้วเนี่ย ความปลอดภัยก็เป็นเรื่องสำคัญ นักพัฒนาต้องใส่ใจในเรื่องนี้ให้มาก เพื่อให้ทุกคนๆใช้เทคโนโลยีใหม่นี้อย่างมีความสุข